หลังม่าน “เศรษฐา” มือวางเมกะโปรเจ็ค “เพื่อไทย” สัมพันธ์ลึก 2 นักธุรกิจหวังกินรวบประเทศ?
.
เพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานการเมือง ก็ถูกจับจ้องเข้าเต็มเปา สำหรับ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอสแห่งค่าย “แสนสิริ” ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เมืองไทย
.
การเข้ามาเติมเต็มของ “เสี่ยนิด” ในพรรคเพื่อไทย อ้างว่า เพื่อทำ “เมกะโปรเจ็ค” ด้านเศรษฐกิจ เสริมทัพกับกลุ่มก๊วน “นักรบห้องแอร์” ที่นำโดย “มือขวา-มือซ้าย” นายใหญ่ ได้แก่ “หมอมิ้ง” นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
.
แต่ยังไม่ทันเริ่มก้าวขา “เสี่ยนิด” ก็ถูกจับจ้อง ภายหลังมีการโอนขายหุ้นให้กับ “คนสนิท” ในค่ายแสนสิริ โดยเจ้าตัวอ้างว่า เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่วงการเมือง
.
ขณะเดียวกันยังถูกปูดถึงเครือข่ายความสัมพันธ์กับ “เสี่ย บ.” ที่เคยเป็นถึง “คู่เขย” สมัยตั้งไข่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน ซึ่ง “เสี่ย บ.” คนเดียวกันนี้ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “บิ๊กบอส” บริษัททำสาธารณูปโภคพื้นฐานสำคัญของประเทศ และมีปัญหาคาราคาซังกับ “โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม” ที่กำลังถูกกระทรวงคมนาคมตรวจสอบอยู่ในตอนนี้
.
ในฉากหน้า การเข้ามาแวดวงการเมืองของ “เสี่ยนิด” ถูกมองว่าจะมาช่วยปลุกปั้นเมกะโปรเจ็ค วางนโยบายเศรษฐกิจให้กับพรรคสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
.
แต่ฉากหลังอาจเป็นการ “กินรวบ” เมกะโปรเจ็คในประเทศนี้ หาก “ค่ายสีแดง” ชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล
.
ประเด็นสำคัญตอนนี้คือ ประชาชนมิได้สงสัยในฝืไม้ลายมือการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของ “เศรษฐา” และ “พรรคเพื่อไทย”
.
แต่สิ่งที่ประชาชนโดยมากตั้งข้อสังเกตคือ หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล จะเกิดอภิมหากาพย์โกง “ทุจริตเชิงนโยบาย” ซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้ประเทศขาดทุนไม่ต่ำกว่า 7-8 แสนล้านบาทอีกหรือไม่
.
เพราะหลักฐานเชิงประจักษ์คือ 2 อดีตรัฐมนตรีลิ่วล้อ “นายใหญ่” ยังคงอยู่ในคุกจากคดีนี้ รวมถึงองคาพยพ “แก๊งค้าข้าว” ของ “เสี่ยเปี๋ยง-สยามอินดิก้า” ก็ถูกเด็ดปีกติดคุกอยู่เช่นเดียวกัน
.
จนมาถึงกรณีล่าสุดอย่างที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “เสี่ยนิด-เสี่ย บ.-บิ๊กบอสบริษัทดัง” หาก “เพื่อไทย” ชนะ จะเอื้อประโยชน์อภิมหาโปรเจ็คต่าง ๆ ประเคนให้แก่คนเหล่านี้หรือไม่?
.
อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนสงสัยคือ หากไม่นับ “เศรษฐา” ที่ถูกวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย อีกคนหนึ่งคือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องหัวแก้วหัวแหวนของ “นายใหญ่-หญิงอ้อ” มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการใช้นามสกุล “ชินวัตร”
.
เพราะการบริหารกิจการภายในเครือ “ชินวัตร” ทั้ง SC Asset และธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ การสื่อสาร ฯลฯ ที่ผ่านมา ต่างผ่านมือของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อ “นารีขี่ม้าขาว” ต้องหลบหนีคุกคดีจำนำข้าว ธุรกิจต่าง ๆ ถูกผ่องถ่ายการบริหารงานมายัง “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” สามี “เอม พินทองทา” แทบทั้งสิ้น
.
พูดภาษาชาวบ้านคือ นอกจากความเป็น “ลูกทักษิณ” แล้ว “อุ๊งอิ๊ง” มีดีตรงไหนที่จะมาเป็นนายกฯของไทย?
.
หรือแค่จะบริหารในนาม แล้วให้ “คนแดนไกล” ชักใย ไม่ต่างอะไรกับ “รัฐบาลคุณอา” ก่อนหน้านี้หรือไม่
.
ดังนั้นเหมือนที่ “นายกฯลุงตู่” พูดไว้ว่า “ประเทศไทยไม่ใช่ธุรกิจประเทศไทยไม่ใช่การทำธุรกิจ หรือการทำธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง”
.
เพราะฉะนั้นหากอยากมาบริหารประเทศให้เก่งเหมือนปาก ก็ต้องสร้างดีกรี มีโปรไฟล์เก่ง ๆ ก่อนจะดีกว่า
////