อย่าปล่อยให้“ชูวิทย์” ลอยนวล เอกสาร โอนเงินไปยัง สิงคโปร HSBC อยู่ไหน

ไม่น่าเชื่อ ที่คนในสังคม หลงเชื่อ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ที่ออกมาร่ายรำเล่นงิ้วที่โรงละครหน้า ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา กล่าวหาเรื่องการโอนเงินโอนทอง กัน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะถึงนี้ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่น้อย ที่มีการโหมประโคมกันมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.2566 เป็นต้นมา แต่จนถึงวันนี้ ผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ เรื่องราวก็เงียบฉี่


มีความพยายามที่จะทวงเอกสาร หลักฐาน ทั้งจาก ศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการ รมว.คมนาคม ที่ “ชูวิทย์” กล่าวอ้างก่อนหน้า แต่ก็ได้แต่ “น้ำยาบ้วนปาก” แทนเอกสารสำคัญชิ้นนี้ สื่อใหญ่  ก็พลอยไม่ทวงถาม “เอกสาร การโอนเงิน” อันสำคัญนี้ไปด้วย ไม่รู้มี “ซัมติ้งลอง” อะไรกับ “ชูวิทย์” หรือไม่ 


เอกสารชิ้นนี้เป็นพยานสำคัญในคดีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่นายชูวิทย์ กล่าวอ้าง และยกแม่น้ำทั้ง 5 มาบอกกับผู้คน ทั้งที่รู้กันดีว่า เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นเรื่องของ คณะกรรมการตามมาตรา 40 ที่เป็นกฎหมายเฉพาะ ตาม พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ระบุไว้ชัดแจ้ง รัฐมนตรี ไม่ได้เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเอกชนได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถูกกล่าวหาว่าเป็นการทุจริต

แล้ว รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีเรื่องน่าติดตามมากกว่าตั้งเยอะ ในปมการทุจริต ไม่เคยผ่านการประมูลใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ตีตั๋วราคาพิเศษมาแต่แรก แม้จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาใด ๆ ก็ไม่มีแม้กระทั่งคู่เทียบ เพราะการสมยอม สมคบกัน ฮั๊วกันระหว่างเอกชน หรือเปล่า กับหน่วยงานของรัฐมาอย่างยาวนานหลายสิบปี

 

ขนาดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานที่เรียกว่าเป็น วิสาหกิจ ใน กทม. ยังออกมาบอกเองว่า หน่วยงานที่ตัวเองสังกัด ไม่มีอำนาจลงนามเซ็นต์สัญญา กับ เอกชน แปลว่า "เถื่อน" มาแต่แรกเลย ใช่ หรือ ไม่ ?

“ชูวิทย์”เคยไปถามไถ่ในเรื่องที่มีการร้องเรียนกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ทำไมตั้งนานไม่เห็นมีคำวินิจฉัยออกมาเสียที ว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำไมมัน “พิศดาร” และ “พิลึกกึกกือ” เสียเหลือเกิน

ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที ก็ไม่มีการประมูลให้ถูกต้องตามครรลอง แบบที่ เจ้าสัวที่ออกมาพูดเรื่องสีส้ม ได้ออกมาฟาดงวงฟาดงา แบบสายสีส้ม แล้วการต่อสัญญาสัมปทาน ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็เล่นแร่แปรธาตุ ไม่มีการประมูล ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคา เอกชนว่ายังไงก็ว่ายังงั้น ทั้งที่จริงๆ ในตลาดก็มีคนอยากจะเข้ามาทำกันอยู่

ทำไมแบบนี้ “ชูวิทย์” ไม่สงสัย ไม่ไปตรวจสอบให้เรื่องราวมันทะลุปรุโปร่ง ในสัมปทานรถฟฟ้า เส้นที่ยาวที่สุดในขณะนี้ สร้างภาระ ความลำบากเดือดร้อน ที่ ประชาชน จะต้องเป็นหนี้เจ้าสัวคนนี้อีกหลายหมื่นแสนล้านบาท เพราะไม่มีการแข่งขันด้านราคานั่นเอง

วันนี้ การยกเลิกการประมูลทางด้านเทคนิค ก็มีความพยายามจะชี้แจงจากหน่วยงานคณะกรรมการตามมาตรา 40 ที่เขาอยากจะทำการเปลี่ยนรูปแบบทางวิศวกรรม เนื่องจากเส้นทางนี้อาจจะส่งผลกระทบทางโครงสร้างวิศวกรรม ในเกาะกลางกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีโบราณสถานอยู่มากมาย อาจจะเสียหายได้หากไม่มีผู้ชำนาญการเข้ามาดูแล มูลค่าความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ กรรมการตามมาตรา 40 จึงต้องการความมั่นอกมั่นใจเป็นเศษ ว่าผู้เข้ารับงานจะต้องมีความรู้ มีความเข้าใจ มีประสบการณ์ อย่างแท้จริง  

มันแปลกดีนะ... โครงการหนึ่ง ไม่เคยผ่านการประมูล แม้จะขยายสัญญามาแล้ว และกำลังจะเรียกร้องการขยายสัญญาอีก ก็ไม่มีการประมูล

มันแปลกดีนะ...อีกโครงการกำลังมีการประมูล แต่มีการยกเลิกเพื่อให้แน่ใจว่าโบราณสถานกลางกรุงจะไม่เสียหาย ทำไม “สังคมไทย” กลับไปเชื่อข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน

ทั้งที่เจ้าตัว “ชูวิทย์” บอกเองว่ามีหลักฐานจะมาแฉที่หน้ากระทรวงคมนาคม ถึงการโอนเงินโอนทอง และเกี่ยวข้องกับ ธนาคาร HSBC ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถ้าสังคมจะเชื่อก็ควรจะเห็นของตามท้องเรื่อง ที่โหมประโคมมาแต่ไก่โห่ หากไม่มีของ โรงละคร โรงงิ้ว ก็ควรจะปิดฉากตัวเองไปอย่างน่าอับอายในบั้นปลายชีวิต หมดความน่าเชื่อถือไปในบัดดล